แพทย์หญิงตุลยา ตั้งศิริพัฒน์ (หมอตุล)
จักษุแพทย์ด้านกระจกตาและการแก้ไขสายตา
LASIK, ReLEx SMILE (Corneal Refractive Surgery)
เลขใบอนุญาต ว.18895
แพทย์หญิงตุลยา ตั้งศิริพัฒน์ (หมอตุล)
จักษุแพทย์ด้านกระจกตาและการแก้ไขสายตา
LASIK, ReLEx SMILE (Corneal Refractive Surgery)
เลขใบอนุญาต ว.18895
จักษุแพทย์
ด้านกระจกตาและเลสิค
ReLEx SMILE
+คุณภาพ
เลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
และมีมาตรฐานสำหรับคนไข้
ปี 2541+
ประสบการณ์จักษุแพทย์
พญ. ตุลยา ตั้งศิริพัฒน์
พญ. ตุลยา ตั้งศิริพัฒน์
แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ประกาศนียบัตรมหาบัณฑิตทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คลีนิคสาขาจักษุวิทยา มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ประกาศนียบัตรมหาบัณฑิตทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คลีนิคสาขาจักษุวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล
วุฒิบัตรแพทย์เฉพาะทางสาขาจักษุวิทยาคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
Certification of Fellowship of Cornea & External Disease and Refractive Surgery,University of California, Irvine, USA.
ReLEx SMILE
วิธีการรักษาสายตาสั้น เอียงด้วยเทคโนโลยีเฟมโตเซคอนด์ เลเซอร์ (Femtosecond Laser) ในการแก้ไขปัญหาสายตาสั้นเอียง มีจุดเด่นที่การทำให้เกิดแผลขนาดเล็กโดยไม่ต้องเปิดฝากระจกตา (Non-Flap) เทคโนโลยีนี้ใช้เฟมโตเซคอนด์เลเซอร์เพียงชนิดเดียวในการทำงานลึกลงไปที่ชั้นด้านในของกระจกตา เพื่อสร้างแผ่นบางๆ ด้านในกระจกตาที่เรียกว่าเลนติคูล (Lenticule) ซึ่งจะถูกนำออกมาเป็นการปรับรูปร่างของกระจกตา เพื่อแก้ไขค่าสายตา
วิธีการนี้ช่วยให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์กระบวนการนี้ไม่เพียงลดการเกิดแผลที่ผิวกระจกตา แต่ยังช่วยให้การฟื้นตัวหลังผ่าตัดเร็วขึ้นจึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
วิธีการรักษาสายตาสั้น ยาว เอียงด้วยเทคโนโลยีเฟมโตเซคอนด์เลเซอร์ (Femtosecond Laser)
ในการแยกชั้นกระจกตา เพื่อเปิดฝากระจกตา (Open-Flap) แทนการใช้ใบมีดแบบดั้งเดิม (Blade LASIK) จากนั้นจะใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) ปรับรูปร่างของกระจกตา เพื่อเป็นการแก้ไขสายตาช่วยให้ไม่ต้องพึ่งแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะสามารถเปิดฝากระจกตาได้แม่นยำและปลอดภัยมากกว่าการใช้ใบมีด และการฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว และการมองเห็นกลับมาชัดเจนได้ในระยะเวลาอันสั้น จึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันเช่นกัน
วิธีการรักษาสายตาสั้น ยาว เอียง โดยใช้ใบมีดไมโครเคอราโตม (Microkeratome) ในการแยกชั้นกระจกตาขึ้นมา แล้วใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) ปรับรูปร่างกระจกตาเพื่อแก้ไขค่าสายตา ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ การฟื้นตัวค่อนข้างเร็วและการมองเห็นกลับมาเห็นชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมของการรักษาสายตาตามมาตรฐานการรักษาภาวะสายตาผิดปกติ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการรักษาสายตาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
PRK (Photorefractive Keratectomy) เป็นการรักษาสายตาแบบไม่เปิดฝากระจกตา โดยใช้เครื่องมือขูดผิวกระจกตาด้านบนออกแล้วใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer Laser) เจียระไนเนื้อกระจกตาชั้นกลางเพื่อแก้ไขค่าสายตาสั้น ยาว เอียง และต่อมาได้พัฒนามาเป็นวิธี Trans PRK (Trans epithelial Photorefractive Keratectomy) ต่างกับ PRK ตรงที่ใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ ขัดผิวกระจกตาส่วนหน้าแทนการขูดด้วยเครื่องมือแบบวิธี PRK และใช้เลเซอร์เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ปรับความโค้งกระจกตาต่อในขั้นตอนเดียว โดยไม่มีเครื่องมือมาสัมผัสที่ดวงตาโดยตรง วิธี PRK และ Trans PRK ทั้งสองวิธีนี้ใช้เวลาในการฟื้นฟูแผลค่อนข้างนานและแผลหายค่อนข้างช้า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำเพื่อประกอบอาชีพบางประเภท เช่น ทหาร ตำรวจ หรือผู้ที่มีข้อจำกัดทางกายภาพของตาที่ทำให้ไม่สามารถเปิดฝากระจกตาได้
คอนแทคเลนส์แบบนิ่ม (Soft Lens) หยุดใช้อย่างน้อย 3 วันขึ้นไป และแบบแข็ง (Hard Lens) 2 สัปดาห์ขึ้นไป
การใส่คอนแทคเลนส์อาจทำให้เกิดตาแห้ง ควรหยอดน้ำตาเทียมเสริมความชุ่มชื้นก่อน เพราะถ้าตรวจพบว่ามีภาวะตาแห้งมากแพทย์จะแนะนำให้รักษาก่อนการผ่าตัดแก้ไขสายตา
กรณีทานยารักษาสิวกลุ่ม Retinoic Acid ควรหยุดยาก่อนตรวจ 1-2 เดือน เพราะยาอาจทำให้เกิดภาวะตาแห้งส่งผลให้ยังไม่สามารถแก้ไขสายตาได้
หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน ไทรอยด์ ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลอยู่ร่วมด้วยค่ะ
การตรวจประเมินจะมีการหยอดยาขยายม่านตา จึงทำให้หลังหยอดยาตาจะมัวประมาณ 5-6 ชั่วโมง ควรมีญาติมารับหรือใช้แท็กซี่ค่ะ
การทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าสายตาคงที่แล้ว หากกระจกตาของคุณหนาและแข็งแรงเพียงพอ แม้จะอายุน้อยก็สามารถเข้ารับการรักษาได้ สิ่งสำคัญคือการตรวจประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าดวงตาของคุณเหมาะสมกับการทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE
สายตาสั้นตั้งแต่ -75 ถึง -1000 D
สายตาเอียงไม่เกิน -500 D
สายตายาวกำเนิดตั้งแต่ +100 ถึง +500 D จะเหมาะสมกับ LASIK มากกว่า ReLEx SMILE
กรณีสายตาสั้นเอียงรวมกันแล้วไม่เกิน -1250 Diopter คุณอาจเป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับการทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE การรักษานี้ช่วยลดการพึ่งพาแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ แต่ต้องได้รับการตรวจประเมินสภาพตากับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการรักษา เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพตาของคุณ
การทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE ซ้ำ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและความหนาของกระจกตาเป็นหลัก หากกระจกตายังคงแข็งแรงและหนาเพียงพอ สามารถเติมเลเซอร์ได้ในอนาคตหากค่าสายตาเปลี่ยนแปลง
อาการตาแห้งหลังการทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE มักเกิดขึ้นชั่วคราว โดยช่วงสัปดาห์แรกถึง 1 เดือน ควรหยอดน้ำตาเทียมทุก 1-2 ชั่วโมง จากนั้นให้หยอดตามอาการต่อเนื่องไปจนถึง 6 เดือน ตามคำแนะนำของแพทย์
หมอจะประเมินทั้งความแข็งแรงของกระจกตาและไลฟ์สไตล์ของคุณ เพื่อแนะนำวิธีที่เหมาะสม การตรวจประเมินโดยจักษุแพทย์จะช่วยให้ทราบว่ากระจกตาของคุณเหมาะกับวิธีไหน หากกระจกตาบาง หมออาจแนะนำ ReLEx SMILE เพราะว่าขนาดแผลเล็กและช่วยคงความแข็งแรงของกระจกตาหลังทำได้ดีกว่าวิธีเลสิคที่ขนาดแผลใหญ่ค่ะ
ทั้ง 2 วิธีเป็นการเจียระไนแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ Excimer เหมือนกัน แต่แตกต่างกันในขั้นตอนการแยกชั้นกระจกตา กรณีขนาดและลักษณะของดวงตาเล็กหรือลึกเกินไป รูปร่างของกระจกตาแบนหรือนูนเกินไปอาจพิจารณาการใช้เลเซอร์แยกชั้นกระจกตาด้วยวิธี Femto LASIK แทนการใช้ใบมีดวิธี SBK LASIK เพื่อเพิ่มโอกาสในการแยกชั้นกระจกตาได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การตรวจประเมินอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำให้คุณทราบข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณได้นะคะ
การตัดสินใจขึ้นอยู่กับค่าสายตาและกระจกตา หากสายตาสั้นและเอียงรวมกันเกิน -8.00 Diopter แนะนำว่า ReLEx SMILE อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า นอกจากนี้ควรพิจารณาเรื่องของระยะเวลาการฟื้นตัวหลังการรักษา ซึ่งทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกัน โดยวิธี Trans PRK จะฟื้นตัวค่อนข้างช้ากว่าเมื่อเทียบกับวิธี ReLEx SMILE
การทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าสายตาคงที่แล้ว หากกระจกตาของคุณหนาและแข็งแรงเพียงพอ แม้จะอายุน้อยก็สามารถเข้ารับการรักษาได้ สิ่งสำคัญคือการตรวจประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าดวงตาของคุณเหมาะสมกับการทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE
สายตาสั้นตั้งแต่ -75 ถึง -1000 D
สายตาเอียงไม่เกิน -500 D
สายตายาวกำเนิดตั้งแต่ +100 ถึง +500 D จะเหมาะสมกับ LASIK มากกว่า ReLEx SMILE
กรณีสายตาสั้นเอียงรวมกันแล้วไม่เกิน -1250 Diopter คุณอาจเป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับการทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE การรักษานี้ช่วยลดการพึ่งพาแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์ แต่ต้องได้รับการตรวจประเมินสภาพตากับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการรักษา เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพตาของคุณ
การทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE ซ้ำ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและความหนาของกระจกตาเป็นหลัก หากกระจกตายังคงแข็งแรงและหนาเพียงพอ สามารถเติมเลเซอร์ได้ในอนาคตหากค่าสายตาเปลี่ยนแปลง
อาการตาแห้งหลังการทำ LASIK หรือ ReLEx SMILE มักเกิดขึ้นชั่วคราว โดยช่วงสัปดาห์แรกถึง 1 เดือน ควรหยอดน้ำตาเทียมทุก 1-2 ชั่วโมง จากนั้นให้หยอดตามอาการต่อเนื่องไปจนถึง 6 เดือน ตามคำแนะนำของแพทย์
หมอจะประเมินทั้งความแข็งแรงของกระจกตาและไลฟ์สไตล์ของคุณ เพื่อแนะนำวิธีที่เหมาะสม การตรวจประเมินโดยจักษุแพทย์จะช่วยให้ทราบว่ากระจกตาของคุณเหมาะกับวิธีไหน หากกระจกตาบาง หมออาจแนะนำ ReLEx SMILE เพราะว่าขนาดแผลเล็กและช่วยคงความแข็งแรงของกระจกตาหลังทำได้ดีกว่าวิธีเลสิคที่ขนาดแผลใหญ่ค่ะ
ทั้ง 2 วิธีเป็นการเจียระไนแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์ Excimer เหมือนกัน แต่แตกต่างกันในขั้นตอนการแยกชั้นกระจกตา กรณีขนาดและลักษณะของดวงตาเล็กหรือลึกเกินไป รูปร่างของกระจกตาแบนหรือนูนเกินไปอาจพิจารณาการใช้เลเซอร์แยกชั้นกระจกตาด้วยวิธี Femto LASIK แทนการใช้ใบมีดวิธี SBK LASIK เพื่อเพิ่มโอกาสในการแยกชั้นกระจกตาได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การตรวจประเมินอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำให้คุณทราบข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณได้นะคะ
การตัดสินใจขึ้นอยู่กับค่าสายตาและกระจกตา หากสายตาสั้นและเอียงรวมกันเกิน -8.00 Diopter แนะนำว่า ReLEx SMILE อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า นอกจากนี้ควรพิจารณาเรื่องของระยะเวลาการฟื้นตัวหลังการรักษา ซึ่งทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกัน โดยวิธี Trans PRK จะฟื้นตัวค่อนข้างช้ากว่าเมื่อเทียบกับวิธี ReLEx SMILE