ช่วง 1 วัน ถึง 5 วัน ต้องระวังอะไร?
ควรระวังไม่ให้น้ำ เหงื่อ และฝุ่นเข้าตา เพราะอาจทำให้แผลอักเสบหรือติดเชื้อได้ ในช่วงนี้หลีกเลี่ยงการล้างหน้า สระผมด้วยตนเอง รวมถึงการทาครีมบริเวณรอบดวงตา และการแต่งตา ควรสังเกตอาการทุกเช้า โดยเฉพาะเรื่องขี้ตา หากมีลักษณะผิดปกติ เช่น ขี้ตาสีเหลือง สีเขียว ขี้ตาแฉะ ตาฉ่ำ ตาแดง หรือรู้สึกเจ็บตา ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อรับการตรวจโดยด่วน สำหรับการมองเห็นสามารถเริ่มใช้สายตาได้ แต่การมองเห็นอาจยังไม่คมชัดในระยะนี้
ควรระวังไม่ให้น้ำ เหงื่อ และฝุ่นเข้าตา เพราะอาจทำให้แผลอักเสบหรือติดเชื้อได้ ในช่วงนี้หลีกเลี่ยงการล้างหน้า
สระผมด้วยตนเอง รวมถึงการทาครีมบริเวณรอบดวงตา และการแต่งตา ควรสังเกตอาการทุกเช้า โดยเฉพาะเรื่องขี้ตา หากมีลักษณะผิดปกติ เช่น ขี้ตาสีเหลือง สีเขียว ขี้ตาแฉะ ตาฉ่ำ ตาแดง หรือรู้สึกเจ็บตา ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อรับการตรวจโดยด่วน แม้สามารถเริ่มใช้สายตาได้ แต่การมองเห็นอาจยังไม่คมชัดในระยะนี้
ครบ 5 วัน ทำอะไรได้บ้าง?
ครบ 5 วันหลังผ่าตัด นับจากวันที่นัดเปิดตาเป็นวันที่หนึ่ง คุณสามารถเริ่มล้างหน้าและสระผมได้เองในเช้าวันที่ 6 หากไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ไม่จำเป็นต้องปิดฝาครอบตาขณะนอนหลับอีกต่อไป การมองเห็นจะเริ่มดีขึ้นควรค่อยๆ ใช้สายตา และพักสายตาบ่อยๆ พร้อมทั้งหยอดน้ำตาเทียมอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นที่ผิวกระจกตา
ช่วง 4-6 สัปดาห์ เริ่มดูค่าสายตา
การมองเห็นจะเริ่มเข้าที่มากขึ้นและค่าสายตาจะค่อยๆ คงที่ ช่วงนี้แพทย์จะเริ่มตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด
เพื่อประเมินค่าสายตาหลังการผ่าตัดและดูแนวโน้มการฟื้นตัว และสำหรับกิจกรรมต่างๆ เช่น ว่ายน้ำหรือดำน้ำสามารถทำได้ตามปกติแล้ว
ช่วง 3 เดือน สายตาค่อนข้างนิ่ง
การมองเห็นจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสายตาค่อนข้างนิ่งแล้ว ในช่วงนี้จะมีการวัดสายตาอย่างละเอียด
เพื่อประเมินผลลัพธ์และค่าสายตาหลังทำว่าเป็นอย่างไร
ช่วง 6 เดือน สายตานิ่งแล้ว
ในช่วงนี้ค่าสายตาส่วนใหญ่จะนิ่งแล้ว หากยังมีค่าสายตาเหลืออยู่ แพทย์สามารถพิจารณาการเติมเลเซอร์
เพื่อปรับค่าสายตาให้สมบูรณ์ได้
ช่วง 1 วัน ถึง 5 วัน ต้องระวังอะไร?
ควรระวังไม่ให้น้ำ เหงื่อ และฝุ่นเข้าตา เพราะอาจทำให้แผลอักเสบหรือติดเชื้อได้ในช่วงนี้หลีกเลี่ยงการล้างหน้าสระผมด้วยตนเอง รวมถึงการทาครีมบริเวณรอบดวงตาและการแต่งตา ควรสังเกตอาการทุกเช้าโดยเฉพาะเรื่องขี้ตา หากมีลักษณะผิดปกติ เช่น ขี้ตาสีเหลือง สีเขียว ขี้ตาแฉะ ตาฉ่ำ ตาแดง หรือรู้สึกเจ็บตา ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อรับการตรวจโดยด่วน สำหรับการมองเห็นสามารถเริ่มใช้สายตาได้ แต่การมองเห็นอาจยังไม่คมชัดในระยะนี้
ครบ 5 วัน ทำอะไรได้บ้าง?
ครบ 5 วันหลังผ่าตัด นับจากวันที่นัดเปิดตาเป็นวันที่หนึ่ง คุณสามารถเริ่มล้างหน้าและสระผมได้เองในเช้าวันที่ 6 หากไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ไม่จำเป็นต้องปิดฝาครอบตาขณะนอนหลับอีกต่อไป การมองเห็นจะเริ่มดีขึ้นควรค่อยๆ ใช้สายตา และพักสายตาบ่อยๆ พร้อมทั้งหยอดน้ำตาเทียมอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นที่ผิวกระจกตา
ช่วง 4-6 สัปดาห์ เริ่มดูค่าสายตา
การมองเห็นจะเริ่มเข้าที่มากขึ้นและค่าสายตาจะค่อยๆ คงที่ ช่วงนี้แพทย์จะเริ่มตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดเพื่อประเมินค่าสายตาหลังการผ่าตัดและดูแนวโน้มการฟื้นตัว และสำหรับกิจกรรมต่างๆ เช่น ว่ายน้ำหรือดำน้ำ สามารถทำได้ตามปกติแล้ว
ช่วง 3 เดือน สายตาค่อนข้างนิ่ง
การมองเห็นจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสายตาค่อนข้างนิ่งแล้ว ในช่วงนี้จะมีการวัดสายตาอย่างละเอียด เพื่อประเมินผลลัพธ์และค่าสายตาหลังทำว่าเป็นอย่างไร
ช่วง 6 เดือน สายตานิ่งแล้ว
ในช่วงนี้ค่าสายตาส่วนใหญ่จะนิ่งแล้ว หากยังมีค่าสายตาเหลืออยู่ แพทย์สามารถพิจารณาการเติมเลเซอร์ เพื่อปรับค่าสายตาให้สมบูรณ์ได้หากค่าสายตานิ่งแล้ว
ช่วง 1 วัน ถึง 7 วัน ต้องระวังอะไร?
ควรระวังไม่ให้น้ำ เหงื่อ และฝุ่นเข้าตา เนื่องจากอาจทำให้แผลอักเสบหรือติดเชื้อได้ ในช่วงนี้หลีกเลี่ยงการล้างหน้า สระผมด้วยตนเอง รวมถึงการทาครีมรอบดวงตาหรือแต่งตา ควรสังเกตอาการทุกเช้าว่าขี้ตาเป็นปกติหรือไม่
หากพบอาการผิดปกติ เช่น ขี้ตาสีเหลืองหรือสีเขียว ขี้ตาแฉะ ตาฉ่ำ ตาแดง หรือมีอาการเจ็บตาควรติดต่อเจ้าหน้าที่
เพื่อเข้ารับการตรวจโดยด่วน คุณสามารถเริ่มใช้สายตาทำงานได้ แต่ควรพักสายตาทุก 20-30 นาที และหยอดน้ำตาเทียมอย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมงในระยะนี้
ครบ 7 วัน ทำอะไรได้บ้าง?
ครบ 7 วันหลังผ่าตัด นับจากวันที่นัดเปิดตาเป็นวันที่หนึ่ง คุณสามารถเริ่มล้างหน้าและสระผมได้เองได้ในเช้าวันที่ 8 หากไม่มีอาการผิดปกติ ไม่จำเป็นต้องปิดฝาครอบตาขณะนอนหลับอีกต่อไป การมองเห็นจะค่อยๆ ดีขึ้น แนะนำให้ใช้สายตาอย่างค่อยเป็นค่อยไป พักสายตาอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นหยอดน้ำตาเทียมเป็นประจำ เพื่อช่วยในการฟื้นตัว
ช่วง 4 สัปดาห์ เริ่มดูค่าสายตา
การมองเห็นจะเริ่มเข้าที่และสายตาจะค่อนข้างนิ่งแล้ว โดยแพทย์จะทำการวัดสายตาอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบแนวโน้มของค่าสายตาหลังการผ่าตัด อาการตาแห้งอาจดีขึ้นแต่ยังคงแนะนำให้หยอดน้ำตาเทียมต่อไป ส่วนกิจกรรมต่างๆ เช่น ว่ายน้ำหรือดำน้ำ สามารถทำได้ตามปกติแล้ว
ช่วง 3 เดือน สายตาค่อนข้างนิ่ง
แสงจ้าตอนกลางคืนจะเริ่มลดลงและดีขึ้นตามลำดับ อาการตาแห้งหลังผ่าตัดจะค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนใหญ่ประมาณ 3 เดือน ค่าสายตาจะเริ่มนิ่งแล้วในช่วงนี้ หากยังมีค่าสายตาเหลืออยู่ แพทย์สามารถพิจารณาการเติมเลเซอร์เพื่อปรับค่าสายตาเพิ่มเติมได้
ช่วง 6 เดือน
หลังการแก้ไขสายตาอาการตาแห้งอาจเกิดขึ้นและคงอยู่ประมาณ 6 เดือน ในช่วงนี้ควรหยอดน้ำตาเทียม
อย่างต่อเนื่อง โดยความถี่ในการหยอดจะค่อยๆ ลดลงเมื่ออาการดีขึ้นตามลำดับ
ช่วง 1 วัน ถึง 7 วัน ต้องระวังอะไร?
ควรระวังไม่ให้น้ำ เหงื่อ และฝุ่นเข้าตา เนื่องจากอาจทำให้แผลอักเสบหรือติดเชื้อได้ ในช่วงนี้หลีกเลี่ยงการล้างหน้า สระผมด้วยตนเอง รวมถึงการทาครีมรอบดวงตาหรือแต่งตา ควรสังเกตอาการทุกเช้าว่าขี้ตาเป็นปกติหรือไม่ หากพบอาการผิดปกติ เช่น ขี้ตาสีเหลืองหรือสีเขียว ขี้ตาแฉะ ตาฉ่ำ ตาแดง หรือมีอาการเจ็บตาควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ารับการตรวจโดยด่วน คุณสามารถเริ่มใช้สายตาทำงานได้ แต่ควรพักสายตาทุก 20-30 นาที และหยอดน้ำตาเทียมอย่างน้อยทุก 1 ชั่วโมงในระยะนี้
ครบ 7 วัน ทำอะไรได้บ้าง?
ครบ 7 วันหลังผ่าตัด นับจากวันที่นัดเปิดตาเป็นวันที่หนึ่ง คุณสามารถเริ่มล้างหน้าแลสระผมได้เองได้ในเช้าวันที่ 8 หากไม่มีอาการผิดปกติ ไม่จำเป็นต้องปิดฝาครอบตาขณะนอนหลับอีกต่อไป การมองเห็นจะค่อยๆ ดีขึ้น แนะนำให้ใช้สายตาอย่างค่อยเป็นค่อยไป พักสายตาอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นหยอดน้ำตาเทียมเป็นประจำ เพื่อช่วยในการฟื้นตัว
ช่วง 4 สัปดาห์ เริ่มดูค่าสายตา
การมองเห็นจะเริ่มเข้าที่และสายตาจะค่อนข้างนิ่งแล้ว โดยแพทย์จะทำการวัดสายตาอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบแนวโน้มของค่าสายตาหลังการผ่าตัด อาการตาแห้งอาจดีขึ้นแต่ยังคงแนะนำให้หยอดน้ำตาเทียมต่อไป กิจกรรมต่างๆ เช่น ว่ายน้ำหรือดำน้ำ สามารถทำได้ตามปกติแล้ว
ช่วง 3 เดือน สายตาค่อนข้างนิ่ง
แสงจ้าตอนกลางคืนจะเริ่มลดลงและดีขึ้นตามลำดับ อาการตาแห้งหลังผ่าตัดจะค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนใหญ่ค่าสายตาจะเริ่มนิ่งแล้วในช่วงนี้หากยังมีค่าสายตาเหลืออยู่ แพทย์สามารถพิจารณาการเติมเลเซอร์เพื่อปรับค่าสายตาเพิ่มเติมได้
ช่วง 6 เดือน
หลังการแก้ไขสายตาอาการตาแห้งอาจเกิดขึ้นและคงอยู่ประมาณ 6 เดือน ในช่วงนี้ควรหยอดน้ำตาเทียมอย่างต่อเนื่อง โดยความถี่ในการหยอดจะค่อยๆ ลดลงเมื่ออาการดีขึ้นตามลำดับ
ช่วง 1 วัน ถึง 3 วัน รอแผลปิดจะยังไม่นัดตรวจตา
ในระยะนี้อาจมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล แสบตา สู้แสงไม่ได้ และลืมตาลำบาก เนื่องจากแผลถลอกที่ผิวกระจกตายังไม่หายดี จึงยังไม่สามารถใช้สายตาได้เต็มที่ ควรหยอดยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดระหว่างรอให้แผลปิดแพทย์จะใส่คอนแทคเลนส์เพื่อปกป้องแผลไว้รอจนแผลปิด หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน เมื่อแผลปิดแล้ว แพทย์จะนัดตรวจติดตามอาการ เพื่อนำคอนแทคเลนส์ออก
หลังจากนั้นแพทย์จะเริ่มให้ยาหยอดตาซึ่งมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เพื่อรักษาฝ้าที่ผิวกระจกตา การใช้ยาชนิดนี้จำเป็นต้องเฝ้าระวังภาวะความดันตาสูง จึงต้องมาตรวจติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ระยะเวลาในการรักษาโดยทั่วไปประมาณ 3–4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวและการหายของแผลในแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการหยุดยาเมื่อเหมาะสม
ครบ 7 วัน ทำอะไรได้บ้าง?
ในช่วง 7 วันแรกหลังผ่าตัด ควรระวังไม่ให้น้ำ เหงื่อ และฝุ่นเข้าตา เนื่องจากอาจทำให้แผลอักเสบหรือติดเชื้อหลีกเลี่ยงการล้างหน้า สระผมเอง รวมถึงการทาครีมรอบดวงตาและการแต่งตาในช่วงนี้ ควรสังเกตอาการทุกเช้า โดยเฉพาะเรื่องขี้ตา หากมีลักษณะผิดปกติ เช่น ขี้ตาสีเหลือง สีเขียว ขี้ตาแฉะ ตาฉ่ำ ตาแดง หรือรู้สึกเจ็บตา ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อนัดเข้ามาตรวจตาก่อนวันนัด
ช่วง 4 สัปดาห์ เริ่มดูค่าสายตา
การมองเห็นจะค่อยๆ ชัดขึ้น และแพทย์จะเริ่มวัดสายตาอย่างละเอียด แม้ว่าการมองเห็นจะดีขึ้นแล้ว แต่อาจมีฝ้าที่ผิวกระจกตาอยู่ จึงควรหยอดยารักษาฝ้าอย่างต่อเนื่องและมาตรวจตามนัดแพทย์ สำหรับกิจกรรมทางน้ำ เช่น
ว่ายน้ำหรือดำน้ำ สามารถทำได้ตามปกติแล้ว
ช่วง 1 - 3 เดือน สายตาค่อนข้างนิ่ง ฝ้าหาย
การมองเห็นจะดีขึ้นตามลำดับ และสายตาค่อนข้างนิ่งแล้ว ในช่วงนี้แพทย์จะทำการวัดสายตาอย่างละเอียด
เพื่อประเมินค่าสายตาหลังการผ่าตัด หากฝ้าที่ผิวกระจกตาหายดีแล้ว แพทย์จะแจ้งให้หยุดยารักษาฝ้าได้
ช่วง 6 เดือน
ในช่วงนี้ค่าสายตาส่วนใหญ่จะนิ่งแล้ว หากยังมีค่าสายตาเหลืออยู่ แพทย์สามารถพิจารณาการเติมเลเซอร์
เพื่อปรับค่าสายตาให้สมบูรณ์ได้
ช่วง 1 วัน ถึง 3 วัน รอแผลปิดจะยังไม่นัดตรวจตา
ในระยะนี้อาจมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล แสบตา สู้แสงไม่ได้ และลืมตาลำบาก เนื่องจากแผลถลอกที่ผิวกระจกตายังไม่หายดี จึงยังไม่สามารถใช้สายตาได้เต็มที่ ควรหยอดยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดระหว่างรอให้แผลปิด แพทย์จะใส่คอนแทคเลนส์เพื่อปกป้องแผลไว้รอจนแผลปิด หลังจากนั้นประมาณ 3 วันเมื่อแผลปิดแล้ว แพทย์จะนัดตรวจติดตามอาการเพื่อนำคอนแทคเลนส์ออก
หลังจากนั้นแพทย์จะเริ่มให้ยาหยอดตาซึ่งมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ เพื่อรักษาฝ้าที่ผิวกระจกตา การใช้ยาชนิดนี้จำเป็นต้องเฝ้าระวังภาวะความดันตาสูง จึงต้องมาตรวจติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ระยะเวลาในการรักษาโดยทั่วไปประมาณ 3–4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวและการหายของแผลในแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการหยุดยาเมื่อเหมาะสม
ครบ 7 วัน ทำอะไรได้บ้าง?
ในช่วง 7 วันแรกหลังผ่าตัด ควรระวังไม่ให้น้ำ เหงื่อ และฝุ่นเข้าตา เนื่องจากอาจทำให้แผลอักเสบหรือติดเชื้อหลีกเลี่ยงการล้างหน้าสระผมเอง รวมถึงการทาครีมรอบดวงตาและการแต่งตาในช่วงนี้ ควรสังเกตอาการทุกเช้า โดยเฉพาะเรื่องขี้ตา หากมีลักษณะผิดปกติ เช่น ขี้ตาสีเหลือง สีเขียว ขี้ตาแฉะ ตาฉ่ำ ตาแดง หรือรู้สึกเจ็บตา ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ทันทีเพื่อนัดเข้ามาตรวจตาก่อนวันนัด
ช่วง 4 สัปดาห์ เริ่มดูค่าสายตา
การมองเห็นจะค่อยๆ ชัดขึ้น และแพทย์จะเริ่มวัดสายตาอย่างละเอียด แม้ว่าการมองเห็นจะดีขึ้นแล้ว แต่ยังอาจมีฝ้าที่ผิวกระจกตาอยู่ จึงควรหยอดยารักษาฝ้าอย่างต่อเนื่องและมาตรวจตามนัด สำหรับกิจกรรมทางน้ำ เช่น
ว่ายน้ำหรือดำน้ำ สามารถทำได้ตามปกติแล้ว
ช่วง 1 - 3 เดือน สายตาค่อนข้างนิ่ง ฝ้าหาย
การมองเห็นจะดีขึ้นตามลำดับ และสายตาค่อนข้างนิ่งแล้ว ในช่วงนี้แพทย์จะทำการวัดสายตาอย่างละเอียด เพื่อประเมินค่าสายตาหลังการผ่าตัด หากฝ้าที่ผิวกระจกตาหายดีแล้ว แพทย์จะแจ้งให้หยุดยารักษาฝ้าได้
ช่วง 6 เดือน
ในช่วงนี้ค่าสายตาส่วนใหญ่จะนิ่งแล้ว หากยังมีค่าสายตาเหลืออยู่ แพทย์สามารถพิจารณาการเติมเลเซอร์เพื่อปรับค่าสายตาให้สมบูรณ์ได้หากค่าสายตานิ่งแล้ว